ในยุคที่เทคโนโลยีและนวัตกรรมก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว การเตรียมความพร้อมให้น้องๆ ให้มีทักษะที่จำเป็นสำหรับอนาคตเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง หนึ่งในแนวคิดการศึกษาที่ได้รับความสนใจอย่างมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมาคือ “STEM Education” หรือ “สะเต็มศึกษา” แต่ผู้ปกครองหลายท่านอาจยังสงสัยว่า STEM คืออะไร และทำไมจึงมีความสำคัญ ในบทความนี้ ClickRobot จะพาทุกท่านไปทำความรู้จักกับทักษะ STEM ให้มากขึ้น พร้อมทั้งแนะนำกิจกรรมที่ช่วยพัฒนาทักษะ STEM ให้กับน้องๆ
ทักษะ STEM คืออะไร
STEM เป็นคำย่อที่มาจากการรวมตัวอักษรแรกของ 4 สาขาวิชา ได้แก่
1. Science (วิทยาศาสตร์)
2. Technology (เทคโนโลยี)
3. Engineering (วิศวกรรมศาสตร์)
4. Mathematics (คณิตศาสตร์)
โดย STEM Education เป็นแนวทางการศึกษาที่บูรณาการความรู้จากทั้ง 4 สาขานี้เข้าด้วยกัน โดยมุ่งเน้นการประยุกต์ใช้ความรู้ในการแก้ปัญหาจริงและสร้างสรรค์ให้เกิดสิ่งใหม่ๆ และสามารถนำไปต่อยอดในชีวิตประจำวันได้ แนวคิดนี้เริ่มต้นในประเทศสหรัฐอเมริกา และได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในระดับนานาชาติ รวมถึงใช้เป็นส่วนหนึ่งในการประเมินผลการสอบ PISA (Programme for International Student Assessment) ซึ่งเป็นการประเมินผลการศึกษาในระดับนานาชาติอีกด้วย
การเรียนรู้ทักษะ STEM สามารถปรับใช้ได้กับทุกระดับการศึกษา ตั้งแต่ระดับอนุบาลไปจนถึงระดับอุดมศึกษา โดยความซับซ้อนของเนื้อหาและกิจกรรมจะเพิ่มขึ้นตามระดับการศึกษา
4 ศาสตร์ ของทักษะ STEM
อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่า STEM เป็นการบูรณาการของ 4 วิชา ซึ่งแต่ละวิชาก็มีหลักการที่แตกต่างกันไป ดังนี้
1. Science (วิทยาศาสตร์)
เป็นการศึกษาเกี่ยวกับธรรมชาติและปรากฏการณ์ต่างๆ รอบตัวเรา โดยใช้วิธีการทางวิทยาศาสตร์ ประกอบไปด้วยการสังเกต การตั้งสมมติฐาน การทดลอง และการสรุปผล ซึ่งการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ช่วยให้น้องๆ พัฒนาทักษะการคิดเชิงวิพากษ์และการแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบได้ดี
2. Technology (เทคโนโลยี)
เทคโนโลยีในบริบทของ STEM ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่ในคอมพิวเตอร์ แต่ยังรวมถึงการประยุกต์ใช้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ผ่านกระบวนการทางเทคโนโลยี เพื่อพัฒนาหรือสร้างสิ่งใหม่ๆ ที่นำไปใช้แก้ไขปัญหาหรือตอบสนองความต้องการของมนุษย์ได้
3. Engineering (วิศวกรรมศาสตร์)
วิศวกรรมศาสตร์เป็นการประยุกต์ใช้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ร่วมกับเครื่องจักร หรืออุปกรณ์อื่นๆ เพื่อออกแบบ สร้าง และพัฒนา สิ่งประดิษฐ์หรือนวัตกรรมขึ้นมา
4. Mathematics (คณิตศาสตร์)
คณิตศาสตร์เป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับทักษะ STEM ที่ไม่เพียงแต่เกี่ยวกับการคำนวณเท่านั้น แต่ยังรวมถึงแนวคิดต่างๆ เช่น การจัดหมวดหมู่ การเปรียบเทียบ รูปทรง และความน่าจะเป็นร่วมด้วย
การนำจุดเด่นของ 4 วิชานี้มาประกอบเข้าด้วยกันกลายเป็นทักษะ STEM มุ่งเน้นให้ผู้เรียนมีทักษะที่จำเป็น พร้อมรับมือกับยุคสมัยแห่งเทคโนโลยีและการเปลี่ยนแปลงด้านต่างๆ
ความสำคัญของทักษะ STEM
ทักษะ STEM มีความสำคัญอย่างยิ่งในโลกปัจจุบันและอนาคต ด้วยเหตุผลหลายประการ ได้แก่
1. การพัฒนาทักษะที่จำเป็น
สะเต็มศึกษาช่วยพัฒนาทักษะที่สำคัญหลายด้าน เช่น การคิดวิเคราะห์ การแก้ปัญหา การคิดอย่างมีระบบ และความคิดสร้างสรรค์ ทักษะเหล่านี้มีความสำคัญในด้านการเรียน การใช้ชีวิตประจำวัน ไปจนถึงการทำงาน ไม่เพียงแต่ในสายงานที่เกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเท่านั้น แต่สามารถประยุกต์ใช้ทักษะเหล่านี้ได้กับทุกสายอาชีพ
2. การเตรียมพร้อมสำหรับอนาคต
โลกกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในด้านเทคโนโลยี การมีพื้นฐานทักษะ STEM จะช่วยให้น้องๆ สามารถปรับตัวเท่าทัน และเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ได้อย่างรวดเร็ว
3. การส่งเสริมนวัตกรรม
การเรียนเพื่อสร้างทักษะ STEM ไม่เพียงแต่สอนให้น้องๆ เข้าใจแต่ด้านทฤษฎีเท่านั้น แต่ยังกระตุ้นให้พวกเขาคิดค้นและสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ผ่านการลงมือปฏิบัติ ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญของการสร้างนวัตกรรมที่าอาจสร้างประโยชน์ให้สังคมในวันข้างหน้า
4. การพัฒนาทักษะการทำงานเป็นทีม
การทำกิจกรรมที่เสริมทักษะ STEM มักมีการทำงานร่วมกันเป็นทีม ซึ่งช่วยพัฒนาทักษะการสื่อสารและการทำงานร่วมกับผู้อื่น ซึ่งเป็นทักษะที่สำคัญในอนาคตทั้งด้านการเรียนและการทำงาน
5. การเปิดโอกาสทางอาชีพ
การได้ลองทำกิจกรรมเกี่ยวกับ STEM อาจส่งผลให้น้องๆ มีความสนใจและชื่นชอบงานด้าน STEM และต่อยอดเป็นอาชีพได้ในอนาคต รวมถึงปัจจุบันความรู้และทักษะ STEM เป็นที่ต้องการอย่างมากในตลาดแรงงาน การมีพื้นฐานที่ดีในด้านนี้จะเปิดโอกาสทางอาชีพที่หลากหลายได้เช่นกัน
กิจกรรมเสริมทักษะ STEM ที่น่าสนใจ
การเรียนรู้เพื่อสร้างทักษะ STEM สามารถทำได้ทั้งภายในห้องเรียนและนอกห้องเรียน เช่น ที่บ้าน ในชีวิตประจำวัน หรือผ่านการเรียนเสริม ตัวอย่างกิจกรรมที่น่าสนใจ ได้แก่
1. การทำสไลม์แม่เหล็ก
กิจกรรมนี้ช่วยให้น้องๆ ได้เรียนรู้เกี่ยวกับปฏิกิริยาทางเคมีและคุณสมบัติของแม่เหล็ก โดยการผสมส่วนผสมต่างๆ เข้าด้วยกันจนเป็นสไลม์ ทำให้น้องๆ ได้สังเกตการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น นอกจากนี้ยังสามารถทดลองกับแม่เหล็กเพื่อดูว่าสไลม์ที่ทำขึ้นมีปฏิกิริยากับแม่เหล็กอย่างไร
2. เสากระดาษสุดแกร่ง
กิจกรรมนี้ทำให้น้องๆ ได้ออกแบบและสร้างเสารองรับน้ำหนักจากกระดาษ ผ่านการจัดวางเสากระดาษเป็นรูปทรงเรขาคณิต ไม่ว่าจะเป็นสามเหลี่ยม สี่เหลี่ยม หรือทรงกระบอก โดยทดสอบความแข็งแรงผ่านการใช้ของที่มีน้ำหนักวางด้านบน เช่น หนังสือและขวดน้ำ กิจกรรมนี้ช่วยพัฒนาทักษะการคิดเชิงวิศวกรรมและการแก้ปัญหา โดยน้องๆ จะต้องคิดวิเคราะห์ว่ารูปทรงและโครงสร้างแบบใดจะช่วยให้เสามีความแข็งแรงมากที่สุด
3. จรวดขวดน้ำ
การสร้างจรวดจากขวดน้ำพลาสติกเป็นกิจกรรมที่สนุกและให้ความรู้ในหลายด้าน น้องๆ จะได้เรียนรู้เกี่ยวกับแรงดันและแรงโน้มถ่วง นอกจากนี้ ยังได้ฝึกการออกแบบและปรับปรุงจรวดเพื่อให้บินได้ไกลและสูงที่สุด ซึ่งเป็นการฝึกกระบวนการคิดแบบวิศวกร
4. Lego Robotics Coding
การเรียนเขียนโปรแกรมหุ่นยนต์จากเลโก้ เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมเสริมทักษะ STEM ที่น่าสนใจ โดยน้องๆ จะได้เรียนรู้ทักษะจากทั้ง 4 ศาสตร์ ทั้งการเรียนรู้หลักการพื้นฐานของการเขียนโปรแกรม ได้ฝึกการคิดเชิงตรรกะและการแก้ปัญหา เข้าใจหลักการทำงานของกลไกต่างๆ ไปจนถึงได้พัฒนาความคิดสร้างสรรค์ในการออกแบบและสร้างหุ่นยนต์ที่สามารถทำงานได้ตามที่ต้องการ
ทักษะ STEM มีความสำคัญอย่างยิ่งในโลกปัจจุบันและอนาคต เนื่องจากช่วยพัฒนาความสามารถให้ผู้เรียนหลายๆ ด้าน โดยทั้งครูและผู้ปกครองสามารถการส่งเสริมการเรียนรู้แบบ STEM ผ่านกิจกรรมที่สนุกและท้าทายได้ เพื่อเตรียมความพร้อมให้น้องๆ รับมือกับการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี และเปิดโอกาสทางอาชีพที่หลากหลายในอนาคต
ClickRobot เป็นสถาบันที่นำเสนอหลักสูตรการเขียนโปรแกรมหุ่นยนต์เลโก้ที่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการของเด็กในแต่ละช่วงวัยและแต่ละระดับความรู้ โดยมีครูผู้สอนที่มีความเชี่ยวชาญทั้งในด้านเทคนิคและการสอน สร้างความมั่นใจได้ว่า น้องๆ จะได้รับประสบการณ์การเรียนรู้ที่มีคุณค่า น่าจดจำ และเป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับการพัฒนาทักษะ STEM
สนใจเรียนคอร์สแข่งขันหุ่นยนต์ LEGO กับ ClickRobot
ClickRobot คือ สถาบันเรียนต่อเลโก้ที่ใช้หลักสูตรการสอนจากประเทศเดนมาร์ก ซึ่งเป็น 1 ใน 3 ประเทศที่มีระบบการศึกษาดีที่สุดในโลก โดยเน้นการเรียนรู้ผ่านการเล่น ช่วยให้เด็กมีความฉลาดทางปัญญาไปพร้อมๆ กับความฉลาดทางอารมณ์
โดยคอร์สเรียน Robot ที่ ClickRobot สามารถเรียนได้ตั้งแต่อายุ 4-18 ปี มีทั้งคอร์สภาษาไทยและภาษาอังกฤษ สอนโดยครูผู้มีประสบการณ์และมีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง อีกทั้งยังมีให้เลือกเรียนมากกว่า 30 สาขา ทั่วประเทศไทย
ติดต่อได้ที่
Website: https://clickrobotengineer.com/
Facebook: ClickRobot Engineer Learning Center
Line OA: @clickrobot
Call: 089-482-8131 หรือ 02-2152528